วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตอนจบ...ของโดราเอม่อน

ตอนจบของโดราเอม่อนครับผม มี 2 แบบด้วยกันนะครับ

แบบที่หนึ่ง...จบแบบเศร้าใจหน่อยนะครับ Sad Ending!! เป็นตอนจบของผู้แต่งที่คิดไว้ตั้งแต่แรกเลย

เรื่องมีอยู่ว่า...

วันหนึ่ง...ในโรงพยาบาล โนบิตะตื่นขึ้นมา ก็ได้พบกับพ่อ-แม่และเพื่อนๆทุกคนยืนอยู่รอบเตียงของเขา โนบิตะจึงถามถึงโดราเอม่อน แต่ทุกคนกลับปฎิเสธว่าไม่รู้จัก และบอกกับโนบิตะว่า "โนบิตะหลับมานานเป็นปีแล้ว เพราะโนบิตะไม่สบาย" โนบิตะจึงนึกย้อนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโดราเอม่อน ทั้งการผจญภัยต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงความฝันเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็น โดราเอม่อน หรือ เซวาสึ โดเรมี ล้วนแต่เป็นความฝันของเขาทั้งสิ้น โนบิตะเป็นเด็กที่ไม่ค่อยแข็งแรง และไม่มีเพื่อนรักที่จะคอยอยู่ด้วย เขาต้องนอนโรงพยาบาลตลอดเวลา และเขาก็หลับไปจึงทำให้เขาฝันไปตามจินตนาการของเขานั่นเอง

ที่โนบิตะฝันถึงโดราเอม่อนและอนาคตนั้น เป็นเพราะโนบิตะรู้ดีว่าโนบิตะกำลังจะตายในอีกไม่ช้า เขาจึงอยากที่จะมีอนาคตเหมือนเด็กคนอื่นๆ อยากมีเพื่อนรัก อยากจะได้ไปผจญภัยในโลกที่สนุกสนาน แต่ฝันของเขาก็ไม่มีวันเป็นจริง ตลอดไป... เพราะต่อมาอีกไม่นาน โนบิตะก็จากไปก่อนวัยอันควร พ่อแม่ และเพื่อนๆของโนบิตะร้องไห้กันอยู่ในงานศพของโนบิตะ และเรื่องราวทุกอย่างก็จบลง


เศร้าใช่ไหมล่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับนี่เป็นเพียงเรื่องที่แต่งในตอนแรกครับ ยังไม่ตกลงว่าจะออกพิมพ์หรือทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้จบแบบนี้หรอกครับ เพราะฉะนั้นเรามาเอาใจช่วยโดราเอม่อนและโนบิตะกันต่อไปนะครับ





แบบที่สอง...จบแบบมีความสุข Happy Ending!! เป็นตอนจบแบบซึ้งๆ มีความสุขครับ

เรื่องมีอยู่ว่า...

บ่ายวันหนึ่ง ซึ่งก็เป็นวันธรรมดาเหมือนวันอื่นทั่วไป โนบิตะกลับมาจากโรงเรียน และวิ่งขึ้นชั้น 2 ไปที่ห้องของเขา โดราเอม่อนกำลังนอนอยู่ในห้อง ...ซึ่งก็เป็นเหมือนปกติทุกๆ วัน "เฮ้!! โดราเอม่อนตื่นเถอะแล้วไปเล่นด้วยกัน" โนบิตะชวน แต่โดราเอม่อนก็ยังไม่ตื่น โนบิตะคิดว่าโดราเอม่อนคงจะเหนื่อยปล่อยให้นอนต่อไปดีกว่า ดังนั้นเขาจึงวิ่งออกไปเล่นข้างนอนกับชิซูกะและเพื่อนคนอื่นๆ

เวลาผ่านไป 2-3 ชั่วโมง โนบิตะก็กลับถึงบ้าน เขาพบว่าโดราเอม่อนยังนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่มีทีท่าว่าโดราเอม่อนจะตื่น โนบิตะเริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไป จึงบ่อนพึมพำว่า "ปกติโดราเอม่อนไม่นอนนานอย่างนี้นี่นา"
โนบิตะจึงพยายามจะปลุกโดราเอม่อน แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ จากโดราเอม่อนเลย โนบิตะเริ่มรู้สึกกลัวจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปลุกโดราเอม่อน แต่ไม่ว่าโนบิตะจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สารถที่จะปลุกโดราเอม่อนให้ตื่นขึ้นมาไม่ได้

ถึงตอนนี้โนบิตะเริ่มแน่ใจแล้วว่า มีบางอย่างผิดปกติในตัวโดราเอม่อน เพราะโดราเอม่อนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน โนบิตะเริ่มร้องไห้ไป พร้อมทั้งเรียกโดราเอม่อนไป แต่แม้จะร้องไห้หรือตะโกนเรียกอย่างไร เจ้าหุ่นยนต์แมวตัวอ้วนก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว

และแล้วโนบิตะก็นึกอะไรออกขึ้นมา แล้วโนบิตะก็เดินตรงไปที่ลิ้นชัก เขากระโดดลงไปในลิ้นชักโต๊ะ ใช่แล้ว...ไทม์แมชชีนนั่นเอง โนบิตะใช้ไทม์แมชชีนไปในอนาคต เพื่อที่จะไปหาโดเรมีน้องสาวของโดราเอม่อนนั่นเอง โนบิตะไปขอความช่วยเหลือจากโดเรมี และพาโดเรมีกลับมากับโนบิตะด้วย กลับมาในปี 1998 นั่นเอง

หลังจากนั่งไทม์แมชชีนกลับมาในปี 1998 โดเรมีก็เริ่มตรวจระบบต่างๆ ของโดราเอม่อน เพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับพี่ชายของเธอ หลังจากที่โดเรมีตรวจดูอยู่ไม่นาน โดเรมีก็บอกกับโนบิตะว่า "แบตเตอรี่ของพี่ชายหมดค่ะ"

โนบิตะได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ และบอกกับโดเรมีว่า "ที่แท้ก็แบตเตอรี่หมดเองหรอ โดราเอม่อนไม่ได้เสียหายอย่างอื่นใช่ไหมโดเรมี งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะ รีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ให้โดราเอม่อน และทำให้โดราเอม่อนตื่นกลับมาเหมือนเดิมทีสิ" โนบิตะพูด

แต่โดเรมีกลับส่ายหน้า และพูดขึ้นว่า "โนบิตะซัง ฉันควรทำอย่างนั้นหรอ"

โนบิตะได้ฟังและเห็นสีหน้าของโดเรมีก็ตกใจจึงพูดขึ้นว่า "อะ... อะไรนะ โดเรมี เธอหมายความว่ายังไง"

โดเรมีจึงตอบว่าตอบว่า "ก็ แบตเตอรี่หลักของพี่ชายอยู่ตรงนี้ ใกล้กับกระเป๋าหน้าของเขา และไฟมันหมดแล้ว ซึ่งแต่เดิมพี่ชายจะมีแบตเตอรี่สำรองอยู่ที่หู แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กันล่ะว่าหูของพี่ชายถูกหนูแทะกินไปเมื่อหลายปีมาแล้ว ดังนั้นตอนนี้พี่ชายก็เลยไม่มีแบตเตอรี่สำรอง"

"แล้วมันหมายความว่ายังไ งล่ะ" โนบิตะสงสัย "ก็หมายความว่า ถ้าฉันเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้พี่ชาย ความทรงจำทุกอย่างของพี่ชายก็จะหายไปจากส่วนของหน่วยความจำนะสิ" โดเรมีเริ่มอธิบายให้โนบิตะฟัง "อะไรนะ" โนบิตะตกใจ "แล้วแล้วโนบิตะยังจะให้ฉันเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้อย่างนั้นหรอ" โดเรมีถาม

โนบิตะหลับตาแล้วร้องไห้...แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดร้อง และบอกโดเรมีว่า "โดเรมี...ขอบคุณนะที่อุตส่าห์มา ฉันจะดูแลโดราเอม่อนเอง เธอกลับไปอนาคตเถอะ" โดเรมีไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพื่อช่วยโนบิตะดี เธอจึงเข้าไปกอดโนบิตะเพื่อปลอบใจ และก็ขอตัวกลับไปอนาคต หลังจากโดเรมีกลับไป โนบิตะก็อุ้มโดราเอม่อนไปนอนในตู้ของโดราเอม่อนตามเดิม

วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ โนบิตะเริ่มโตขึ้น ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาโนบิตะก็เปลี่ยนไป โนบิตะทุ่มเทเรียนอย่างหนักและไม่ร้องไห้อีกต่อไป โนบิตะมีชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีโดราเอม่อน โนบิตะบอกชิซูกะและทุกๆ คนว่าโดราเอม่อนได้กลับไปโลกอนาคตแล้ว และจะไม่สามารถได้พบกับโดราเอม่อนได้อีกต่อไป

ชิซูกะรู้สึกประทับใจในท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อของโนบิตะ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองตกหลุมรักซึ่งกันและกัน และในที่สุดทั้งสองก็ได้แต่งงานกันใน...

โนบิตะเติบโตเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งมาก เขาได้สรรค์สร้างห้องของเขาให้กลายเป็นห้องทดลอง และทุ่มเทศึกษาอย่างหนักในงานของเขาตลอดทั้งวัน โนบิตะบอกกับชิซูกะว่าไม่ให้เข้ามาในห้องทดลองของเขา เพราะมีสิ่งที่เป็นอันตรายอยู่มากมาย...แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับเรียกชิซูกะให้เข้าไปในห้องทดลองของเขา ห้องซึ่งเขาเคยบอกว่าเต็มไปด้วยอันตราย และนั่นเป็นครั้งแรกที่ชิซูกะได้เข้าไปในห้องของสามีเธอ

และเมื่อชิซูกะเข้าไปในห้องทดลอง ชิซูกะก็ต้องตกใจจนพูดไม่ออก เพราะสิ่งที่ชิซูกะเห็นคือเพื่อนเก่าของเธอ เพื่อนที่เธอเคยเล่นด้วยในวัยเด็กนั่นเอง "โดราเอม่อน" ชิซูกะเรียกด้วยความตกใจและดีใจ แต่โดราเอม่อนก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ดูเหมือนว่าโดราเอม่อนกำลังหลับอยู่

"ดูนะชิซูกะ ผมจะเสียบปลั๊กเดี๋ยวนี้แหละ" โนบิตะพูดับภรรยา พร้อมทั้งเปิดสวิตช์หลักของโดราเอม่อน หลังจากนั้นโดราเอม่อนก็ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่โดราเอม่อนลืมตาขึ้นมานั้น โดราเอม่อนก็มองไปรอบๆ และในที่สุดโดราเอม่อนก็พูดอย่างเสียดังว่า "โนบิตะ นายทำการบ้านเสร็จรึยัง"

โนบิตะและชิซูกะ ร้องไห้เบาๆ ด้วยความยินดี เพราะที่โนบิตะเรียนอย่างหนัก และทุ่มเทสุดชีวิตก็เพื่อที่จะได้พบและได้พูดคุยกับเพื่อนเก่าของเขาอีกครั้งนั่นเอง จนถึงตอนนี้ โนบิตะก็ทำให้โดราเอม่อนฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้พวกเขาได้อยู่ร่วมกันอีกครั้งในวันที่ก้อนเมฆสีขาวก้อนเดิม ยังลอยอยู่บนท้องฟ้า ภาพวันเวลาแห่งความทรงจำในอดีตก็กลับมาอีกครั้ง...

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

By :
Free Blog Templates